อดีตโค้ชโบรท์ตัน โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ ตกลงคุมมาร์กเซย์ลุยลีกเอิง

ตลาดซื้อขายนักเตะคือสิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกเฝ้าจับตามอง เมื่อหน้าปฏิทินเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ โดยนอกเหนือไปจากการย้ายทีมของนักเตะดัง การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งหนึ่งในดีลสุดเซอร์ไพรส์ของตลาดหน้าร้อน 2024 หนีไม่พ้นการเซ็นสัญญา 3 ปี ย้ายไปกุมบังเหียน โอลิมปิก มาร์กเซย ของ โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ อดีตกุนซือจอมแท็กติกของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟอัลเบี้ยน เหตุใดเขาจึงเลือกเวทีที่ได้รับความนิยมน้อยสุดใน 5 ท็อปลีก อย่างลีกเอิงเป็นปลายทาง เช่นเดียวกับ “โอแอม” ที่กำลังวางแผนการอะไรเอาไว้

blog-img

โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ กุนซือจอมแท๊คติก

โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ คือใคร? และมีความโดดเด่นอย่างไร?

โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ ลืมตาดูโลกที่เมืองเบรสชา ประเทศอิตาลี ชีวิตวัยเด็กเติบโตมาพร้อมความหลงใหลในเกมลูกหนัง แถมดีกรีไม่ธรรมดา เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก และเป็นถึงเด็กฝึกของยักษ์ใหญ่เซรี่ อา อย่าง เอซี มิลาน น่าเสียดายที่ไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ ต้องเร่ร่อนย้ายไปหาประสบการณ์กับ มอนซ่า, ปาโดว่า และ อเวลลิโน่ สุดท้ายโดนปล่อยตัวให้ เลชเช่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ร่วมงานกันได้แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้น เด เซอร์บี้ กลายเป็นนักเตะพเนจรเต็มตัว ย้ายทีมเป็นว่าเล่นในทุกฤดูกาล ไล่ตั้งแต่ ฟอจจา, อาเรซโซ่, คาตาเนีย, นาโปลี, เบรสชา ไปจนถึง อเวลลิโน่ กระทั่งปี 2009 ก็ย้ายไปค้าแข้งในต่างแดนกับ ซีเอฟอาร์ คลูจ์ อันเป็นสโมสรที่เขาประสบความสำเร็จครั้งแรกในชีวิตพ่อค้าแข้ง ด้วยการช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกา วัน โรมาเนีย 2 สมัย และโรมาเนีย คัพ อีก 1 สมัย ก่อนจะหวนกลับสู่แผ่นดินเกิด มาแขวนสตั๊ดกับ เอซี เทรนโต้ สโมสรในเซรี่ ดี

หลังโบกมืออำลาฟลอร์หญ้า เด เซอร์บี้ ผันตัวไปรับงานกุนซือทันที โดยเริ่มต้นกับสโมสรในเซรี่ ดี อย่าง ดาร์โฟ โบอาริโอ ก่อนได้รับการทาบทามจาก ฟอจจา พร้อมทั้งสร้างชื่อบนหน้าข่าวกีฬา ด้วยการพาทีมเข้าถึงรอบชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นสู่เซรี่ บี น่าเสียดายที่พลาดปราชัยต่อ ปิซ่า กระนั้นมันก็ดีพอที่ ปาแลร์โม่ จะดึงตัวมากอบกู้ทีมในเซรี่ อา ทว่าผ่านไปแค่ 2 เดือน ก็โดนเด้งพ้นตำแหน่ง กว่าจะได้งานต้องรอซีซั่นใหม่เปิดฉาก และปลายทางคือน้องใหม่ลีกสูงสุด เบเนเวนโต้

นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของ เด เซอร์บี้ เพราะแม้ เบเนเวนโต้ จะร่วงตกชั้น แต่สไตล์การคุมทีมของเขาได้รับคำชมอย่างมากในโลก ฟุตบอลออนไลน์ ก่อนจะสานต่อปรัชญาดังกล่าวด้วยการนำพา ซัสซูโอโล่ ไปลุยยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ฤดูกาล 2020/21 พร้อมทั้งย้ายไปช่วย ชัคตาร์ โดเน็ตส์ คว้าแชมป์ยูเครน ซูเปอร์ คัพ 2021 และโดน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟอัลเบี้ยน ติดต่อมาแทนที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ซึ่งย้ายไป เชลซี ในเดือนกันยายน 2022

blog-img

สมัยตอนคุมไบรท์ตัน

ผลงานตอนคุมไบรท์ตัน ในพรีเมียร์ลีก

ไบรท์ตัน คืองานอันแสนท้าทาย เพราะ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ทิ้งผลงานอันยอดเยี่ยมเอาไว้ กระนั้น โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ กลับยกระดับพลพรรค “นกนางนวล” ไปอีกขั้น เมื่อแปรเปลี่ยนทีมอันดับ 9 ให้กลายเป็นทีมอันดับ 6 ตั้งแต่ซีซั่นแรก 2022/23 แถมยังทะลุถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ไม่นับรวมการขีดเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการคว้าตั๋วไปลุยเวทียุโรปได้เป็นครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก็ตาม

น่าเสียดายที่พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 ไม่สวยงามอย่างที่คิด ด้วยโปรแกรมที่มากขึ้น แถมสูญเสียสตาร์ดังอย่าง อเล็กซิส แม็ค อลิสแตร์, มอยเซส ไซเซโด้ และ โรเบิร์ต ซานเชซ ออกไป ส่งผลให้ทีมจบอันดับ 11 ในพรีเมียร์ลีก ส่วนยูโรป้า ลีก ก็ไปได้ไกลแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย นำมาสู่การแยกทางด้วยดี แม้ภายหลังเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นเพราะวิสัยทัศน์ที่แตกต่างจากบอร์ดบริหาร ส่งผลให้เขาตัดสินใจยื่นซองขาวอำลาฟาลเมอร์ สเตเดี้ยม

เผยเหตุผลที่ โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ ตกลงรับหน้าที่กุนซือคุมมาร์กเซย์

หลังแยกทางกับ ไบรท์ตัน ต้องยอมรับว่ากุนซือวัย 45 ปี คือเทรนเนอร์ที่เนื้อหอมอย่างมาก เขามีข่าวลือเชื่อมโยงกับสองสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า และ ลิเวอร์พูล หวังได้ตัวไปแทนที่ ชาบี้ เอร์นานเดซ และ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่โบกมืออำลาตำแหน่งเช่นกัน แต่สุดท้ายกลายเป็น “โอแอม” ที่ได้ชิ้นปลามันนี้ไปครอง ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก เพราะนี่คือยักษ์หลับ ลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่ห่างหายความสำเร็จยาวนานกว่า 12 ปี

โดย เด เซอร์บี้ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการตอบรับข้อเสนอจาก มาร์กเซย์ ว่าตัวเขานั้นมองหาโปรเจกต์ในการสร้างทีมระยะยาว ต้องการที่จะพัฒนาปรัชญาฟุตบอลของตัวเองขึ้นมาใหม่ ซึ่ง “โอแอม” ตอบโจทย์ทุกอย่างที่อยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างสโมสรอันแข็งแกร่ง ประวัติศาสตร์อันยาวนาน แฟนบอลที่เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน และบอร์ดบริหารรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล จนสุดท้ายกลายเป็นดีลสุดเซอร์ไพรส์ในซัมเมอร์นี้

blog-img

รับหน้าที่ใหม่อันท้าทายในลีกเอิง ฝรั่งเศส

เป้าหมายในการคุมทีมมาร์กเซย์และแผนการซื้อตัวนักเตะ

แม้จะวางแผนสร้างโปรเจกต์ปลุกยักษ์ให้ตื่นจากภวังค์ กระนั้น โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ ยืนยันว่าการสร้างทีมจะต้องดำเนินไปพร้อมกับผลงานที่ดีในสนาม นำมาสู่การเซ็นสัญญาที่อาจเรียกว่าดีลประวัติศาสตร์ของ “โอแอม” นั่นคือการคว้าตัว เมสัน กรีนวู้ด มาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสนนราคาแค่ 26 ล้านยูโร แถมยังปิดดีลยืมตัวห้องเครื่องจอมเก๋า ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก มาจาก ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ได้ด้วย โดยมีออปชันซื้อขาดหากผลงานน่าพอใจ

นอกจากนี้คน แทงบอลออนไลน์ ยังพบว่ามีการยืมตัวพ่วงออปชันซื้อขาด ลีลียง บราสซีเยร์ ปราการหลังอนาคตไกลวัย 24 ปี จาก แบรสต์ รวมทั้งเซ็นสัญญากับแข้งหนุ่ม อิสมาแอล โกเน่ มิดฟิลด์วัย 22 ปี ที่ย้ายมาจาก วัตฟอร์ด ด้วยค่าตัว 17.5 ล้านยูโร และ บาโม่ เมอิเต้ แบ็กขวาวัย 22 ปี ที่ย้ายมาจาก ลอรีย็องต์ ด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร ซึ่ง “โอแอม” ยืนยันว่าพร้อมทุ่มงบประมาณให้เสริมทัพต่อ หลังสูญเสียแข้งดังอย่าง มัตเตโอ เก็นดูซี่, วิตินญ่า, ปาเป้ เกเย่, อีลิม็อง เอ็นดียาย และ โฌนาต็อง โกลสส์ ออกจากทีม

ติดตามข่าวสารฟุตบอลทั้งลีกและทีมชาติได้แบบจัดเต็มที่ V9Bet

ไม่พลาดทุกการย้ายทีมที่น่าสนใจไปกับผู้ให้บริการ เดิมพันกีฬาออนไลน์ V9Bet ศูนย์รวมข่าวสารวงการลูกหนังสดใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมนำพาพี่น้องชาวไทยไปเกาะติดตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ 2024 ควบคู่ไปกับการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างโอลิมปิก 2024 สมัครสมาชิกใหม่ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย รับข้อมูลที่น่าสนใจและบทความสุดเอกซ์คลูซีฟได้ก่อนใคร แถมยังได้รับเครดิตฟรีไปสร้างรายได้เสริมจากการแทงบอล และสิทธิพิเศษในการดูบอลสดออนไลน์ครบทุกคู่ทุกลีกตลอดฤดูกาล 2024/25

อ่านเพิ่มเติม >> วิเคราะห์โอกาสและหนทางของ 3 ชาติเอเชียใน ฟุตบอล โอลิมปิก 2024

บทสรุป

โอลิมปิก มาร์กเซย ก่อตั้งสโมสรยาวนานกว่า 124 ปี ผ่านการคว้าแชมป์ลีกเอิง 9 สมัย, เฟรนช์ คัพ 10 สมัย, เฟรนช์ ลีก คัพ 3 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 3 สมัย แถมยังเคยมีแข้งบัลลงดอร์อย่าง ฌอง-ปิแอร์ ปาแป็ง อยู่ในทีม มีสตาร์ดังมากมายผ่านการสวมเสื้อ “โอแอม” ลงสนาม น่าเสียดายที่เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงแค่อดีต การย้ายมาของ โรแบร์โต้ เด เซอร์บี้ จึงเปรียบเสมือนความหวังท่ามกลางความมืดมิดในรอบหลายสิบปี จับตามองดูพวกเขาให้ดี ฤดูกาล 2024/25 คงไม่ใช่ขวบปีที่ ปารีส แซงต์-แชร์แม็ง จะคว้าแชมป์ได้ง่ายดาย